ศาลรัสเซีย จำคุก นาวัลนี ไม่สนเสียงประท้วง

ศาลรัสเซีย จำคุก นาวัลนี ไม่สนเสียงประท้วง

ศาลในประเทศรัสเซียได้สั่งติดสิน จำคุก นาย อเล็กเซ นาวัลนี คู่ปรับทางการเมืองคนสำคัญของ ปูติน แม้ประชาชนนับพันจะชุมนุมประท้วงก็ตาม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า ศาลในประเทศรัสเซียได้ตัดสินจำคุกนาย อเล็กเซ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านและคู่อริของ นาย วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นระยะเวลาสามปีครึ่ง ในข้อหาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการประกันตัว

แม้ว่าประชาชนชาวรัสเซียหลายพันคนจะออกมาชุมนุมประท้วงเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา 

และนำไปสู่เหตุปะทะในหลายจุดทั่วประเทศรัสเซีย ซึ่งสำนักข่าวรายงานมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ชุมนุมในกรุงมอสโกอย่างมากกว่า 850 ราย

ด้านทนายความของนายนาวัลนี ระบุว่าแท้จริงแล้ว นาย นาวัลนี ต้องได้รับโทษที่ยาวกว่านี้ แต่เนื่องจากนายนาวัลนี ถูกคุมขังอยู่ที่บ้านนาน 10 เดือน ทำให้โทษที่เขาได้รับลดลงกว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ทนายความระบุว่าพวกเขาขอยื่นอุทธรณ์ต่อไป

อเล็กเซ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้าน ถือเป็นคู่อริคนสำคัญของนาย ปูติน และมักจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายปูตินบ่อยครั้ง ซึ่งนายนาวัลนี เคยถูกวางยาพิษช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให่นายนาวัลนีต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเยอรมนีนานหลายเดือน

ในคำแถลงการของนายเบซอสยังได้ระบุว่าเขารู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งอดีตบุคคลที่รวยที่สุดในโลกระบุอีกว่าเขาจะมีเวลาให้กับโครงการนอกบริษัทมากขึ้น พร้อมกล่าวว่าเขามั่นใจว่านายแจสซีจะเป็นผู้นำที่ดี

การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับรายงานรายได้ของไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมาทำเงินได้มากกว่า 125 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 44 ในขณะที่ทำรายได้สุทธิที่ 7.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขทั้งสองจุดถือว่ามากกว่าที่วอลล์สตรีทได้คาดเอาไว้ และในปีที่ผ่านมาหุ้นอเมซอนเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 69

ซึ่งสาเหตุที่อเมซอนทำเงินได้มากขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนต้องหันมาจับจ่ายซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์แทน

ทอม มัวร์ ทหารผ่านศึกชาวอังกฤษที่เดินรอบบ้านเพื่อระดมทุน เสียชีวิต แล้ว หลังจากที่ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากอาการป่วยโควิด-19

ทอม มัวร์ เสียชีวิต – เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า ร้อยเอกเซอร์ ทอม มัวร์ อดีตทหารผ่านศึกชาวอังกฤษ เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยอายุ 100 ปี หลังจากที่ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังมีปัญหาในการหายใจ และถูกพบว่าป่วยเป็นโรคโควิด-19 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยลูกสาวของ ร้อยเอก มัวร์ ระบุว่าคุณพ่อได้ใช้ชีวิตในช่วงชั่วโมงสุดท้ายหัวเราะและร้องไห้ด้วยกัน นอกจากนี้ทางครอบครัวยังได้เปิดเผยอีกว่าร้อยเอก มัวร์ ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แม้จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากนาย มัวร์ อยู่ในช่วงรับยารักษาปอดอักเสบ

ขณะเดียวกัน สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษได้ส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยกับการจากไปของเซอร์ทอม มัวร์ ด้วยเช่นเดียวกัน

ร้อยเอกเซอร์ ทอม มัวร์ กลายเป็นขวัญใจทั่วโลก หลังจากที่ลุกขึ้นมาเดินรอบสวนร้อยรอบ เพื่อระดมทุนช่วยเหลือสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ หรือ NHS ในช่วงล็อกดาวน์รอบแรก เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งในการระดมทุนครั้งนั้น นาย มัวร์ สามารถเรี่ยไรเงินได้มากกว่า 1.3 พันล้านบาท

เวียดนาม เผย โควิดกลายพันธุ์ ระบาดหนัก ติดเชื้อ 276 ราย

เวียดนาม เผย โควิดกลายพันธุ์ เป็นสาเหตุหลักของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ เผยติดเชื้อแล้ว 276 ราย ย้ำขอให้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันโควิด

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุถึงคลื่นการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ โดยทางการเวียดนามกล่าวว่า โควิดกลายพันธุ์เชื้อสายอังกฤษ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดครั้งนี้

โดยนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหม่ ทางการพบผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว 276 ราย ในจำนวนดังกล่าวพบโควิดกลายพันธุ์เชื้อสายอังกฤษ 12 ราย อย่างไรก็ตามทางการยังไม่สามารถต้นตอของการแพร่ระบาดที่แน่ชัด ซึ่งทางการได้เน้นยำให้สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม

ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ประเทศเวียดนามพบผู้ป่วยโควิดที่ติดเชื้อจากในประเทศเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือน ซึ่งในช่วงเช้าทางการระบุว่าพบผู้ป่วยโรคโควิด 2 ราย เป็นผู้ใกล้ชิดกับประชาชนที่ตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคโควิดกลายพันธุ์ในประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่ในช่วงเย็น ทางการเวียดนามจะระบุว่า พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 83 ราย

ซึ่งโควิดกลายพันธุ์นั้นสามารถแพร่เชื้อได้เร็วกว่าโควิดทั่วไป อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าโควิดกลายพันธุ์เป็นอันตรายกว่าโควิดทั่วไป

อย่างไรก็ตามทางการจีนก็เคยออกมาโต้แย้งว่าแท้จริงแล้ว เริ่มจากห้องทดลองในกองทัพในประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมท้าทายให้สหรัฐฯเชิญเจ้าหน้าที่จาก WHO ลงตรวจสอบ เหมือนกับที่ทางการอนามัยโลกทำกับจีนอยู่ในขณะนี้

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า